โดย น้ำเย็น
การเริ่มต้นทักทายบรรยากาศในเขตตัวเมืองเชียงใหม่กับการปั่นจักรยานด้วยสองแรงน่อง จะได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ในเมืองกันอย่างใกล้ชิดติดขอบ ละเลียดกับทุกวินาทีของการมาย่ำเยือนได้อย่างเต็มอิ่ม เป็นทริปเบาๆที่สุดแสนเพลิดเพลินจำเริญใจมิใช่น้อย
สายๆของวันฟ้าใส ฉันเริ่มต้นทริปเบาๆกับจักรยานคู่ใจ ฟีลแบบอยากปั่นเพลินๆ ชิลๆบนพื้นที่รอบสี่เหลี่ยมคูเมืองของเมืองเชียงใหม่ ฉันว่ามีสิ่งดีๆรอฉันอยู่ข้างหน้าแน่ๆ
ฉันชอบสี่เหลี่ยมคูเมืองเพราะดูคลาสสิค ในฐานะใจกลางของเมืองที่สะท้อนถึงความเป็นเมืองประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม มีความสำคัญในฐานะเมืองศูนย์กลางราชธานีของอาณาจักรล้านนา นับตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองเมื่อปี พ.ศ.1839 โดยเป็นที่ตั้งของราชวังหรือคุ้มหลวง และได้กำหนดเป็นเขต อนุรักษ์ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่ปี 2527 มีแนวต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นให้ร่มเงาในการปั่นได้เป็นระยะ
แม้ความทันสมัยจะแทรกซึมเข้ามาฉาบทา ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธ แต่ความคลาสิคในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆแห่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเราควรสงวนรักษาให้ดำรงอยู่ต่อไปตราบนาน
ช่วงสายๆแดดไม่ร้อนเกินไป ปั่นไปเรื่อยๆเลียบเลาะคูเมืองชั้นนอกจากฝั่งประตูสวนดอก เขาสู่คูเมืองชั้นใน ผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อสู่จุดหมายแรก แวะกราบสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ มาถึงที่นี่ทั้งทีต้องเข้าไปชมหอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ และพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา แหล่งท่องเที่ยวทรงคุณค่าอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่
ใกล้เที่ยง ชักเริ่มหิว ไม่ต้องปั่นไปหาร้านอาหารที่ไหนไกล อิ่มเอมครบสูตรกันที่ย่านนี้ อาหารการกินเพียบ ทั้งข้าวมันไก่ร้านดั้งเดิม หมูสะเต๊ะย่างหอมๆ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา เย็นตาโฟ อีกขนมสารพัด ทั้งกล้วยปิ้ง ข้าวเหนียวปิ้ง ถ้วยฟู ขนมถ้วย ฯลฯ
เติมพลังเต็มที่แล้ว มาจอดตรงปากทางเข้าวัดดวงดี บนถนนพระปกเกล้า ยืนมองงานศิลปะบนกำแพงตึกก่อนทางเข้าวัด ลายเส้นและสีสันดูแล้วเพลินตาไม่น้อย จากจุดนี้เลยไปอีกหน่อยแวะกราบพระที่วัดพันเตาและวัดเจดีย์หลวงที่อยู่ถัดไป
ปั่นต่อไปเรื่อยๆ มาหยุดที่วัดเจ็ดลิน วัดนี้เดิมเป็นวัดร้าง แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาฟื้นฟูและขอยกเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา ฉันจูงจักรยานมาจอดที่ศาลาริมน้ำด้านหลังวัด หนองน้ำวัดเจ็ดลินกว้าง ใสสะอาดและสวยงาม ลมพัดเย็นๆ นั่งเพลินๆ สบายใจ
จากวัดเจ็ดลิน ลัดเลาะผ่านตลาดประตูเชียงใหม่ น้ำใสๆ ต้นไม้เขียวๆตลอดแนวคูเมืองชั้นใน ทำให้ปั่นได้อย่างเพลินตาเพลินใจ
มาถึงประตูท่าแพ สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองเชียงใหม่ เป็นประตูทางทิศตะวันออก และเป็น 1 ใน 5 ประตูเมืองชั้นในของเวียงเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียวที่มีบานประตู
ฉันจอดจักรยานแล้วเดินสำรวจรอบๆลานกว้าง นั่งดูผู้คนและรถราที่ผ่านไปมา แม้โดยรอบประตูท่าแพจะโอบล้อมด้วยตึกแถวและตึกสูง แต่สิ่งก่อสร้างที่ก่อด้วยอิฐแน่นหนาดูแข็งแรงของประตูท่าแพที่ฉันเห็นในวันนั้นยังมีมนตร์เสน่ห์มัดตรึง ถ่ายรูปมุมสวยๆได้ 5 -6 รูปแล้วออกเดินทางปั่นต่อ
รอบคูเมืองเชียงใหม่ ปั่นได้แบบชิลๆ จริงๆค่ะ