เรื่อง/ภาพ อ.ธนกฤต มีสมจิตร
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ช่วง 13-17 พฤศจิกายน 2559 จุดหมายปลายทางของผมอยู่ที่โรม-อิตาลี ดินแดนรูปทรงรองเท้าบู๊ต อาณาจักรโรมันอันคลาสสิคและยิ่งใหญ่ ระดับความหนาวระหว่างที่ผมอยู่ที่นั่นราว 5-16 องศาเซลเซียส เสื้อโค้ต 2 ตัว พร้อมถุงมือและหมวกไหมพรม ช่วยให้ผมคลายหนาวลงได้มาก (แต่ก็ลืมผ้าพันคอจนได้ ในวันท่องเที่ยวอิตาลีไปต่างเมือง ผมจึงต้องหยิบผ้าเช็ดผมจากในโรงแรมมาใช้แก้ขัด)
โรมมีระบบคมนาคมจากสนามบินเชื่อมตรงสู่ใจกลางเมืองด้วยรถไฟด่วน (express train) การเดินทางเข้าตัวเมืองแม้มีรถไฟด่วนวิ่งให้บริการช่วง 6.30 - 23.30 น. สายระหว่างสนามบิน Fiumicino ไปยัง Stazione Termini (Rome's main train station) ในสนนราคา € 9.50 (40 บาทคูณ ก็ตกราว 380 บาทต่อเที่ยว) ใช้เวลาเพียง 30 นาที แต่คณะผมที่ไปนำเสนอบทความวิจัยในเวทีนานาชาติครั้งนี้เลือกใช้บริการเหมารถบัสเอกชนให้มารับจากสนามบินไปยังโรงแรมที่พัก (Hotel Savoy) ระยะทางราว 30 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 40 นาทีก็ถึงโรงแรม เมื่อก้าวเท้าลงจากรถ ผมต้องเปลี่ยนจากเสื้อโปโลแขนสั้นตัวเดียวมาเป็นทับด้วยเสื้อโค้ตขนห่าน เพราะอุณหภูมิยามเที่ยงวันที่นี่ก็ราว 10 องศากว่าๆ !!
คณะของผมเข้าพักในย่านใจกลางแหล่งประวัติศาสตร์ของโรมันโบราณ ศูนย์กลางเมืองราว 2.5 ตารางกิโลเมตร (จาก Colosseum ถึง Piazza di Spagna ถือเป็นระยะที่เหมาะมากต่อการท่องเที่ยวและพักแรมในรัศมีเดินเท้า (walkable city) โดยเราสามารถพบอนุสาวรีย์ส่วนใหญ่ของเมืองได้เป็นส่วนใหญ่ในพื้นที่ทั้งย่านนี้ ผมอาจจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าอาณาจักรโรมันนั้นเป็นอย่างไร รุ่งเรืองแค่ไหนและงดงามเพียงใด แต่ความงดงามและรุ่งเรืองของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ สามารถสัมผัสได้จากสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและสิ่งปลูกสร้าง ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงโรม
การสัญจรในโรม : Rome Mobility
โรมมีโครงข่ายรถเมล์ (Rome's bus network) ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางและทั่วถึง ส่วนรถไฟใต้ดิน (metro/subway) นั้นยิ่งสะดวกดายต่อนักท่องเที่ยวที่มีเวลามาเยือนน้อยวัน (short-term visitors) คือมีตั๋วเดินทางพิเศษ (Public transportation Tickets) เช่น Roma Pass เป็นบัตรตั๋วร่วมสำหรับรถไฟใต้ดิน รถเมล์ และรถราง ที่ใช้เดินทางไปทั่วโรมได้เป็นเวลา 3 วันโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง และยังใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือพิพิธภัณฑ์ได้ฟรีอีก 2 แหล่ง ส่วนที่เหลือก็ใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ได้ในราคาบัตรละ 25 เหรียญยูโร ซึ่งหาซื้อได้ล่วงหน้าทั่วไปจากร้านสะดวกซื้อ (Tabacchis) ศาลา/แผงค้า (Newsstands) บาร์ขายสินค้าจิปาถะ (Bars), และจากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ (Vending Machines) ทั้งที่ตั้งอยู่ภายในตัวสถานีรถไฟใต้ดิน ถนนหนทาง และตามป้ายรถเมล์บางจุด
รถไฟฟ้า : Metro
รถไฟใต้ดินของกรุงโรม (Roman metro ซึ่งชาวเมืองมักเรียกกันว่า Metropolitana) ถือเป็นยานพาหนะที่เชื่อมโยงไปหาแหล่งท่องเที่ยวพวกโบราณสถาน (historic city) ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองได้เป็นอย่างดี โดยมี 2 สายหลัก คือรถไฟใต้ดินสายA (สีแดง) และสายB (สีน้ำเงิน) ซึ่งจะมาบรรจบให้เปลี่ยนถ่าย (interchange) ได้ที่สถานีร่วมกลางมหานคร (Termini Central Station) รถไฟใต้ดินนี้แต่ละขบวนจะวิ่งมาเฉลี่ยทุก 7-10 นาที (ให้บริการตั้งแต่ 5:30-23:30 น.) ทุกวันธรรมดาจนถึงเที่ยงครึ่งคืนวันเสาร์
รถเมล์และรถราง : Buses and Trams
รถเมล์และรถราง โรมมีรถเมล์นับร้อยสาย วิ่งบริการตั้งแต่ 05:30-24:00 น.ในแต่ละวัน พร้อมกับบริการของรถราง
รถเมล์ไฟฟ้า : Electric buses
รถเมล์ไฟฟ้า มีขึ้นเพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลและปัญหามลพิษจากควันพิษจราจร รถเมล์จะวิ่งโอบเมืองในถนนสายหลังย่านศูนย์กลางแหล่งประวัติศาสตร์
รถเมล์สายกลางคืน : Night buses
รถเมล์สายกลางคืน มีบริการกว่า 20 สาย ตั้งแต่ดึกถึงย่ำรุ่ง (00:30-5:30 น.) เพื่อต่อจากหมดเวลาบริการของรถเมล์สายกลางวันและรถไฟใต้ดิน สถานีหลักของรถเมล์อยู่ที่สถานี Termini (Piazza dei Cinquecento) และ สถานี Piazza Venezia โดยแต่ละคันออกวิ่งห่างกันทุก 30 นาที รถเมล์สายกลางคืน หยุดที่ป้ายกลางคืน (marked with an owl) ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วหรือจ่ายค่าเดินทางได้บนรถ
แท็กซี่ : Taxi
โรมมีรถแท็กซี่มิเตอร์ให้บริการ ทั้งแบบ “คันขาว” และ “คันเหลือง” (white or yellow taxis) ผมและผองเพื่อนได้นั่งแท็กซี่ครั้งหนึ่งจากโรงแรมไปสำนักวาติกัน ระยะทางคดเคี้ยวราว 5.5 กิโลเมตร หรือใช้เวลานั่งรถราว 20 นาที โชเฟอร์ไม่ใช้มิเตอร์แต่คิดเราแบบราคาเหมา โดยตีเป็นรายหัว ตก 200 บาทไทยต่อคน (ขาไปขาเดียว) 6 คนทั้งคันรถก็จ่ายไป 1,200 บาท ขณะที่เพื่อนอีกคัน 4 คน ทั้งคันก็ 800 บาทไทย) การเรียกใช้บริการมีเบอร์ศูนย์แท็กซี่ ได้แก่ 06 3570, 06 4994, 06 6645, 06 5551 และ 06 8822
ตอนขากลับจากเยี่ยมชมนครรัฐวาติกัน เราเปลี่ยนเป็นเดินเท้ากลับ เพื่อแวะชมสถานที่สำคัญตามรายทาง ใช้เวลาเดินเกือบ 2 ชั่วโมงก็ถึงโรงแรม ทั้งที่ถ้าเดินอย่างเดียวก็ใช้เวลาที่คำนวณว่า ค่าเฉลี่ยการเดินในย่านเมือง สถิติทั่วไปมนุษย์สามารถเดินได้ระยะทางที่ 72 เมตรต่อนาที ถ้าเลือกถนนเส้นที่ตัดตรงที่สุดไปยังโรงแรม เป็นระยะทางราว 4.5 กิโลเมตร จะใช้เวลาเดินเพียง 63 นาที แต่เพราะเรามัวแวะชมสิ่งสวยงาม อลังการตามรายทาง มีวิวทิวทัศน์ของไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น (ต้นเกาลักม้า) และสิ่งปลูกสร้างสูงใหญ่อลังการสองฝั่งลำน้ำไทเบอร์ (Tiber) พร้อมอาคารบ้านเรือนสวยๆ ตามรายทาง เราจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดถ่ายรูปกันเป็นพักๆ มาเรื่อยๆ จึงไม่รู้สึกเหนื่อย และอากาศก็เย็นสบายดีเพราะมีเสื้อโค้ตหนา ก็ทำให้ย่ำเดินได้เพลินใจมาตลอดทาง จึงถึงที่พัก-โรงแรมซาวอย ตรงหัวมุมสี่แยกถนน Emilia
มอเตอร์ไซค์เช่า : Renting bikes or Scooters
แม้แหล่งเยี่ยมชมส่วนใหญ่ในกรุงโรมอยู่ในระยะเดินเท้า (sights on walking distance) หรือสามารถเข้าถึงได้โดยการขนส่งสาธารณะ (public transportation) แต่ยานพาหนะ 2 ล้อ (two wheels) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ความอิสระเสรีที่เราสามารถควบเหาะเลาะเลี้ยวไปจอดแวะตรงจุดไหนๆ ได้ตามใจอยาก คล่องตัวสูงและได้อารมณ์แบบที่ชาวโรมันแห่งเมืองนี้เขาทำกัน ("do as the Romans do") เมื่อตอนที่ต้องแหวกจราจรคับคั่งในบางย่านบางช่วงเวลาของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ ถ้าให้เลือกแมงกะไซค์หลายๆ แบบที่มีอยู่ในเมืองนี้ ผมพิสมัย “Vespa” พาหนะสองล้อหน้าตาแสนคลาสสิคอย่างที่สุด รถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าในโรมนั้นหาได้ทั่วไปในสนนราคา €40-50 (ราว 1,600-2,000 บ.ต่อวัน)
จักรยานให้เช่า
บริการให้เช่าจักรยานเพื่อปั่นเที่ยวรอบเมืองโรม เช่น Top Bike Rental & Tours ตั้งอยู่ที่ถนน(Via) Labicana, 49, 00184 Roma, อิตาลี โทรศัพท์:+39 06 488 2893 เวลาทำการ: 10:00–19:00 น. Ciclofficina The Red Bicycle ตั้งอยู่ที่ Via dei Santi Quattro, 81, 00184 Roma,Italy โทรศัพท์:+39 06 4554 8934 เวลาทำการ: 9:00–13:00 น. และ 15:00–19:30 น. ROMA RENT BIKE: scooter rental Rome, bike rental Rome, vespa rental Rome ที่อยู่: Via di S. Paolo alla Regola, 33, 00186 Roma, อิตาลี โทรศัพท์:+39 380 643 2278 เวลาทำการ 9:30–19:00 น.
การจราจรในโรม : Traffic in Roma
เท่าที่ผมย่ำเดินในโรม และนั่งรถบัสทัวร์เมือง สภาพการจราจรในโรมนั้น ผมถือว่าอยู่ในระดับปานกลางไปทางค่อนข้างหลวม เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่บ้านเรา ถนนหนทางเขาเป็นระเบียบ สะอาด ราบเรียบ ไร้อุปสรรคพวกหลุมบ่อ ฝาท่อไม่เรียบร้อยแบบที่ถนนเมืองไทยเป็นกัน แต่ก็เป็นมาตรฐานทั่วไปที่หากต้องการหลบเลี่ยงช่วงจราจรติดขัด (rush hour) ก็ควรเลี่ยงรถติดช่วงเช้าวันทำงาน 7:30-9:00 น. และช่วงเย็นวันทำงาน 14:00-19:30 น.
ความตั้งใจมาย่ำเยือนโรมทริปนี้เมืองทั้งเมืองเปรียบเหมือนผมจะได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก (world's biggest open air museum) โดยเราสามารถเลือกเดินซอกซอนไปยังเส้นทางท่องเที่ยวตามแบบฉบับนักท่องเที่ยว (typical tourist paths) หรือเราจะเลือกเดินอิสระแบบผจญภัยว่าจะหลงหรือไม่เอาเองตามเส้นทางในชีวิตประจำวันของชาวเมือง (usual tracks)
แม้การสัญจรในโรมจะมีโครงข่ายการเดินทางหลากทางเลือก ที่ถูกวางเชื่อมโยงอย่างครอบคลุมกว้างขวาง ทั่วถึงและสะดวก แต่ผมเลือกที่จะสัญจรด้วยการเดินในค่ำคืนหนึ่งกับอีกบ่ายวันหนึ่ง เพื่อจะพานพบสิ่งเซอร์ไพรส์และสิ่งละเล็กละน้อยตามรายทางไปเรื่อยๆ ไม่ใช่รีบมุ่งไปเจอแหล่งท่องเที่ยวสวยงามขึ้นชื่อตามสูตรสำเร็จแบบที่นักท่องเที่ยวทั่วไปทำกัน
สำหรับผม โรม คือแบบฉบับเมืองแห่งการเดิน คือ Walkable City แห่งแดนโรมัน ที่แสนคลาสสิค
.... กรุงโรม....กลางลมหนาว....