บทบรรณาธิการ: เดินและปั่นจะทำให้ชีวิตเราช้าลง แต่จะมีความหมายมากขึ้น
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆท่านเข้าสู่บ้าน “Ride a bike News” บ้านที่อบอุ่น และอบอวลด้วยเรื่องราวของจักรยานในหลากหลายแง่มุม
การนำเสนอข่าวสารเรื่องราวของเมืองแห่งการเดินและปั่นจักรยานนับเป็นบทบาทหนึ่งที่สำคัญของ “Ride a bike News” สื่อออนไลน์ที่จะทำหน้าที่ในฐานะสื่อสารมวลชน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตที่พอเพียง รักษ์โลก การสัญจรหลากทางเลือก การประหยัดพลังงาน การเพิ่มคุณภาพชีวิตพลเมือง และการลดภาวะโลกร้อน
ดิฉันเชื่อว่า ความเป็นเมืองที่มีสุนทรียรสเชิงนิเวศ อากาศดี เมืองสีเขียว คงเป็นที่ปรารถนาของคนทุกคนที่อยากพักพิงกายใจอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดี ในเมืองที่อยู่เย็น สวยงาม และน่าเที่ยว
อย่างเช่น 2 เมือง 2 บุคลิก ของภาคเหนือ หนึ่งคือ เมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน และอีกหนึ่งคือ เมืองลับแล อุตรดิตถ์ ทั้งสองเมืองเป็นเมืองที่รายล้อมด้วยศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงาม
ปัจจุบันหลายๆเมืองทั้งเมืองขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีการเติบโตและขยายตัวของภาคการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การขยายตัวของเมืองในแนวราบ ทำให้เกิดการใช้ที่ดินในวงกว้างขึ้น (Urban Sprawl)
ขาดแผนแม่บทด้านการขนส่งและจราจร ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ประชากรในเมืองหันไปใช้ยานพาหนะส่วนตัว ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บริเวณพื้นที่ตัวเมืองและโดยรอบประสบปัญหาความแออัด ติดขัด และปัญหามลพิษ และความสิ้นเปลืองพลังงานสูงขึ้น สูงขึ้น โดยไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง
เราลองหันมามองสองเท้าของตัวเราเองและสองล้อของจักรยานที่เป็นพาหนะพื้นฐานเพื่อเมืองแห่งการเดินและปั่นกันบ้างจะดีไหมคะ.....เพราะในข้อเท็จจริงนั้น “การทอดน่องท่องเมืองและการเกี่ยวก้อยเธอฉันปั่นจักรยาน” นั้นมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตผู้คนในเชิงสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี/นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ และศิลปวัฒนธรรมของพลเมืองแห่งเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนแบบแยกกันไม่ออก
การเดินและการปั่นจักรยานจึงเป็นการสัญจรหลากทางเลือกที่สำคัญยิ่งในการเคลื่อนที่ที่ยั่งยืน (Green Mobility) ท่ามกลางการจราจรบนถนนเกือบทุกสายของหลายๆ เมืองที่ส่อเค้าวิกฤติและใกล้เป็นอัมพาต
ดิฉันเชื่อแน่ว่า เมื่อผู้บริหารจัดการเมืองและทุกภาคส่วนของเมืองมีความใส่ใจและให้ความสำคัญร่วมกันในการพัฒนาส่งเสริมเมืองแห่งการเดินและปั่น และภาคพลเมืองมีหัวใจสีเขียวและแพร่ขยายวัฒนธรรมแห่งการเดินและปั่นในชีวิตประจำวันและพฤติกรรมพื้นฐานในกิจกรรมท่องเที่ยวของคนไทย
เมื่อนั้นเมืองแต่ละเมืองจะกลายเป็นสวรรค์บนดินที่แท้จริงของเมืองไทย-เมืองนิเวศที่อยู่เย็นอย่างยั่งยืน เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค และไลฟ์สไตล์สู่การเดินและปั่นในชีวิตประจำวันจนเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวเมือง เมืองจะมีความน่าพิสมัย ชาวเมืองจะมีจิตใจที่เบิกบาน กับสุขภาพที่แข็งแรงจากการเดินและปั่น ด้วยชีวิตที่ช้าลง (Slow Life) เมื่อนั้นคุณจะพบว่า ชีวิตเปี่ยมความหมายและคุณค่าต่อทุกชีวิตในเมืองของเรามากขึ้น
" เดินและปั่น จะทำให้ชีวิตเราช้าลง แต่จะมีความหมายมากขึ้น "